วันศุกร์, พฤษภาคม 30, 2568

Khropngam

 
แห้งก็จะพึงลุกโพลง ถ้าคนทำบุญได้โดยเอาไม้และ
หญ้าให้ไฟกิน คนเผาถ่าน คนหุงเกลือ พ่อครัว และ
คนเผาศพ ก็พึงทำบุญได้ ถ้าแม้พราหมณ์เหล่านี้ทำ
บุญได้เพราะการเลี้ยงไฟ เพราะเรียนมนต์เพราะเลี้ยง
ไฟให้อิ่มหนำ ในโลกนี้ใคร ๆ ผู้เอาของให้ไฟกินจะ
ชื่อว่าทำบุญหาได้ไม่ เพราะเหตุอย่างไรเล่า เพราะไฟ
เป็นผู้อันโลกยำเกรง รู้รส ๒ อย่าง พึงกินได้มากทั้ง
ของเหม็นมีกลิ่นอันไม่น่าฟูใจ คนเป็นอันมากไม่ชอบ พวก
มนุษย์ละเว้น และเป็นของไม่ประเสริฐ คนบางพวก
นับถือไฟเป็นเทวดา ส่วนพวกมิลักขุนับถือน้ำเป็น
เทวดา ทั้งหมดนี้พูดผิด ไฟและน้ำไม่ใช่เทพเจ้าตน
ใดตนหนึ่ง โลกบำเรอไฟ ซึ่งไม่มีอินทรีย์อาทิผิด สระ ไม่มีกายที่
จะรู้สึกได้ ส่องแสงสว่าง เป็นเครื่องทำการงานของ
ประชาชน เมื่อยังทำบาปกรรมอยู่ จะพึงไปสุคติได้
อย่างไร พวกพราหมณ์ผู้ต้องการเลี้ยงชีวิตในโลกนี้
กล่าวว่า พระพรหมครอบงำอาทิผิด อักขระได้ทั้งหมด และว่าพระ-
พรหมบำเรอไฟ พระพรหมมีอานุภาพกว่าทุกสิ่ง และ
มีอำนาจ ไม่มีใครสร้างกลับไปไหว้ไฟที่ตนสร้างเพื่อ
ประโยชน์อะไร คำของพวกพราหมณ์น่าหัวเราะเยาะ
ไม่ควรแก่การเพ่งเล็ง ไม่เป็นความจริง พวกพราหมณ์
ในปางก่อนก่อขึ้นไว้ เพราะเหตุแห่งสักการะ พรา-
หมณ์เหล่านั้น เมื่อลาภและสักการะเกิดขึ้น จึงร้อย
กรองยัญพิธีว่าเป็นธรรมสงบระงับ ด้วยการฆ่าสัตว์
 
๖๔/๗๗๑/๒๐

ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก