วันศุกร์, สิงหาคม 05, 2565

Khwam

 
เป็นกุศลทั้งหลายเป็นเครื่องกั้นกระแสเหล่านั้น. บทว่า โสตานํ สํวรํ พฺรูมิ
เรากล่าวสติว่าเป็นเครื่องกั้นกระแสทั้งหลาย อธิบายว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสว่า เรากล่าวว่าสตินั้นแลเป็นเครื่องกั้นกระแสทั้งหลาย. บทว่า ปญฺญาเยเต
ปิถิยฺยเร กระแสเหล่านั้นอันบัณฑิตปิดกั้นได้ด้วยปัญญา คือ พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสว่า กระเเสเหล่านั้นอันบัณฑิตย่อมปิดกั้นได้ด้วยมรรคปัญญาอันสำเร็จด้วย
การแทงตลอดถึงความเป็นของไม่เที่ยงเป็นต้นในธรรมทั้งหลายมีรูปเป็นต้น
โดยประการทั้งปวง.
บทว่า ปญฺญา เจว พึงทราบความสังเขปอย่างนี้ว่า ปัญญา สติ
และนามรูปที่เหลือนั้นอันใด ที่ท่านกล่าวไว้ในคาถาของปัญหาทั้งหมดนั้นย่อม
ดับไป ณ ที่ไหน พระองค์อันข้าพระองค์ทูลถามปัญหา ขอจงตรัสบอกปัญหา
อันแก่ข้าพระองค์เถิด.
พึงทราบความในคาถาแก้ปัญหาของอชิตมาณพต่อไป เพราะปัญญา
และสติสงเคราะห์ (รวม) กันโดยนามนั่นเอง ฉะนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงมิได้
ตรัสปัญญาและสติไว้ต่างออกไป. นี้เป็นความสังเขปในบทนี้. พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอชิตะ ท่านได้ถามปัญหานี้ว่า นามและรูปย่อมดับไป ณ
ที่ไหน เราจะบอกปัญหาที่ท่านได้ถามแก่ท่านว่า นามและรูปย่อมดับไปไม่มี
ส่วนเหลือ ณ ที่ใด สติและปัญญานี้ย่อมดับไปพร้อมกันไม่ก่อนไม่หลัง ณ ที่
นั้น เพราะความอาทิผิด อักขระดับแห่งวิญญาณนั้น ๆ ในเพราะความดับแห่งวิญญาณนี้แล
นามและรูปจึงดับไป ท่านอธิบายว่า การดับนามและรูปนั้นไม่ล่วงพ้นการดับ
แห่งวิญญาณนั้นไปได้เลย.
ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ เป็นอันประกาศถึงทุกขสัจจะด้วยบทนี้ว่า ทุกฺข-
มสฺส มหพฺภยํ ทุกข์เป็นภัยใหญ่ของโลกนี้. ประกาศสมุทยสัจจะด้วยบทนี้ว่า
 
๔๗/๔๒๕/๘๙๔

ไม่มีความคิดเห็น: