วันจันทร์, สิงหาคม 15, 2565

Thitthi

 
ในร่างอันไม่สะอาดนี้ คือที่สำคัญกันว่ากายนี้ อันเต็มไปด้วยซากศพมีผมเป็นต้น
ต้องแตกสลายไปส่วนเดียวเป็นธรรมดา รังแต่จะรกป่าช้า ชื่อว่าอะไรเล่าที่
ท่านเข้าใจ ชื่นชมว่า เป็นสาระ เพราะเห็นสิ่งอันใด ความไร้ใจ คือความ
ขาดความดำริแห่งใจในอารมณ์อย่างหนึ่ง หรือความไม่ไร้ใจ จึงปรากฏกลาย
เป็นความสุขใจขึ้น ท่านจงบอกสิ่งอันนั้นแก่เราสิ.
ชายนักเลงหญิงฟังคำอย่างนี้แล้ว ถึงแม้ว่ารูปของพระเถรีนั้น งดงาม
โดยความสันทัด แต่นับตั้งแต่แรกเห็น ก็มีจิตปฏิพัทธ์ที่จุดรวมแห่งความสนใจ
[ทิฏฐิอาทิผิด สระ] อันใดเมื่อจะอ้างจุดรวมแห่งความสนใจ [ทิฏฐิ] อันนั้น จึงกล่าวคาถา
ว่า อกฺขีนิ ตูริยาริว เป็นต้น พระเถรีนี้ เป็นผู้มีอินทรีย์อันสงบ เพราะ
เป็นผู้สำรวมด้วยดีแล้วโดยแท้ แต่เพราะเหตุที่เขาถูกลวงด้วยอากัปกิริยามีความ
สง่างามแห่งจริตเองเป็นต้น. ที่สันทัดพิเศษด้วยแง่งอน อันเป็นจุดรวมแห่ง
ความสนใจซึ่งเขาหาได้ ที่ดวงตาทั้งสองของพระเถรีนั้น ที่ประดับด้วยประสาท
ทั้ง ๕ อันผ่องใส ที่สำเร็จมาด้วยอานุภาพกรรม อันมีดวงตาที่มั่นคงผ่องใส
เสงี่ยมสงบเป็นจุดรวม จึงเกิดเป็นนักเลงหญิงขึ้นมา ฉะนั้น ความกำหนัด
ด้วยอำนาจทิฏฐิของเขาจึงถึงความไพบูลย์เป็นพิเศษ. เนื้อทรายเรียกว่า ตูริ ใน
บทว่า อกฺขีนิ จ ตูริยาริว ในคาถานั้น จ ศัพท์เป็นเพียงนิบาต อธิบายว่า
ดวงตาทั้งสองของแม่นางประหนึ่งดวงตาของลูกเนื้อทราย. บาลีว่า โกริยาริว
ก็มี ท่านอธิบายว่าประหนึ่งดวงตาของแม่ไก่ร้องกระต๊าก. บทว่า กินฺนริยาริว
ปพฺพตนฺตเร ความว่า ดวงตาของแม่นาง เหมือนดวงตาของกินนรี ที่ท่อง-
เที่ยว ณ ท้องภูเขา. บทว่า ตว เม นยนานิ ทกฺขิย ความว่า เพราะ
เห็นดวงตาของแม่นางมีคุณพิเศษที่กล่าวมาแล้ว ความอภิรมย์ในกามจึงกำเริบ
แก่ข้าพเจ้าอย่างยิ่งคือทับทวี.
 
๕๔/๔๗๒/๔๕๑

ไม่มีความคิดเห็น: