วันอาทิตย์, สิงหาคม 14, 2565

Songkhram

 
ประชุมพร้อมกันครั้งใหญ่มีในวันนี้ที่ชัฏป่านี้ แม้ด้วยบททั้งสอง. แต่นั้น เพื่อ
แสดงพวกที่เข้าประชุมนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า หมู่เทพมาประชุมกัน
แล้ว. ในบทว่า หมู่เทพนั้น คือพวกเทวดา บทว่า พวกเราเป็นผู้มาสู่การ
ประชุมธรรมนี้ คือ เมื่อได้เห็นหมู่เทพมาประชุมกันอย่างนี้ แม้พวกเราก็มา
สู่การประชุมธรรมนี้. เพราะเหตุไร เพราะเหตุ เพื่อเห็นหมู่ที่ไม่มีใคร
ปราบได้นั่นเอง อธิบายว่า พวกเราได้เป็นผู้มาเพื่อชมหมู่ที่ไม่มีใครปราบได้นี้
ผู้ชื่อว่าพิชิตสงครามอาทิผิด อักขระ เพราะเป็นผู้ที่ไม่มีใครทำให้พ่ายแพ้ได้แล้วย่ำยีมารทั้งสาม
ชนิดได้ในวันนี้นั่นเอง. ก็พรหมนั้น ครั้นกล่าวคาถานี้แล้วก็อภิวาทพระผู้มี
พระภาคเจ้าแล้วได้ยืนทางขอบปากจักรวาลด้านตะวันออก. ถัดมาองค์ที่สองก็
มากล่าวตามนัยที่กล่าวแล้วนั่นแหละ.
ในบทว่า ภิกษุทั้งหลายใน...นั้น นั้นได้แก่ พวกภิกษุในที่ประ-
ชุมนั้น. บทว่า ตั้งมั่นแล้ว คือประกอบด้วยสมาธิ. บาทคาถาว่า ได้ทำจิต
ของตนให้ตรงแล้ว ได้แก่ ได้นำความคดโกง และความโค้งออกจนหมด
แล้วทำจิตของตนให้ตรง. บาทคาถาว่า เหมือนสารถีถือเชือก ความว่า
เมื่อพวกม้าสินธพ ไปอย่างเรียบร้อย สารถีวางปฏักลงแล้วคอยจับเชือกทั้งหมด
ไว้ไม่เตือนไม่รั้งตั้งอยู่ฉันใด ภิกษุหมดทั้งห้าร้อยนี้ถึงพร้อมด้วยความวางเฉยมี
องค์หก คุ้มทวารได้แล้วบัณฑิตรักษาอินทรีย์ทั้งหลายไว้ฉันนั้น พรหมกล่าว
ว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า พวกข้าพระพุทธเจ้าเป็นผู้มาที่นี้เพื่อชมภิกษุ
เหล่านี้. แล้วพรหมแม้นั้นก็ไปยืนตามตำแหน่งทีเดียว. ถัดมาองค์ที่สามก็มา
กล่าวตามนัยที่กล่าวแล้วนั่นแหละ.
ในบทเหล่านั้น บทว่า ตัดตาปูได้แล้ว คือ ตัดตาปูอัน ได้แก่
ราคะโทสะและโมหะ. บทว่า ลิ่มสลัก ก็ได้แก่ลิ่มสลักคือราคะโทสะและโมหะ
นั่นเอง. บทว่า เสาเขื่อน ก็ได้แก่เสาเขื่อนคือราคะโทสะและโมหะนั่นเอง.
 
๑๔/๒๔๖/๙๗

ไม่มีความคิดเห็น: