เข้ามาหาอาตมภาพแล้วได้กล่าวว่า ดูก่อนท่านผู้นิรทุกข์ ท่านอย่าปฏิบัติเพื่อ
ตัดอาหารเสียโดยประการทั้งปวงเลย ถ้าท่านจักปฏิบัติเพื่อตัดอาหารเสียโดย
ประการทั้งปวง ข้าพเจ้าทั้งหลายจักแทรกอาทิผิด อักขระ โอชาอันเป็นทิพย์ตามขุมขนของท่าน
ท่านจักได้ยังชีวิตให้เป็นอยู่ด้วยโอชาอันเป็นทิพย์นั้น. อาตมภาพได้มีความคิด
เห็นว่า เราเองด้วยพึงปฏิญาณการไม่บริโภคอาหารโดยอาทิผิด ประการทั้งปวง เทวดา
เหล่านี้ด้วยพึงแทรกอาทิผิด อักขระ โอชาอันเป็นทิพย์ตามขุมอาทิผิด อักขระ ขน ของเรา เราพึงยังชีวิตให้เป็นไป
ด้วยโอชาอันเป็นทิพย์นั้นด้วย ข้อนั้นพึงเป็นมุสาแก่เรา ดังนี้. อาตมภาพ
บอกเลิกกะเทวดาเหล่านั้น จึงกล่าวว่าอย่าเลย. แล้วอาตมภาพได้มีความคิด
เห็นว่า ถ้ากระไร เราพึงบริโภคอาหารลดลงวันละน้อย ๆ คือ วันละฟายมือ
บ้าง เท่าเยื่อถั่วเขียวบ้าง เท่าเยื่อถั่วพูบ้าง เท่าเยื่อถั่วดำบ้าง เท่าเยื่อใน
เมล็ดบัวบ้าง. อาตมภาพจึงบริโภคอาหารลดลงวันละน้อย คือ วันละฟายมือบ้าง
เท่าเยื่อถั่วเขียวบ้าง เท่าเยื่อถั่วพูบ้าง เท่าเยื่อถั่วดำบ้าง เท่าเยื่อในเมล็ดบัวบ้าง
เมื่อบริโภคอาหารลดลงวันละน้อย ๆ คือ วันละฟายมือบ้าง เท่าเยื่อถั่วเขียวบ้าง
เท่าเยื่อถั่วพูบ้าง เท่าเยื่อถั่วดำบ้าง เท่าเยื่อในเมล็ดบัวบ้าง กายก็ผอมเหลือเกิน
[๕๐๓] เพราะความเป็นผู้มีอาหารน้อยนั่นเอง อวัยวะน้อยใหญ่ของ
อาตมภาพย่อมเป็นเหมือนเถาวัลย์มีข้อมาก หรือเถาวัลย์มีข้อ ดำอาทิผิด อักขระ ฉันนั้น ตะโพก
ของอาตมภาพเป็นเหมือนเท้าอูฐ ฉะนั้น กระดูกสันหลังของอาตมภาพผุดระกะ
เปรียบเหมือนเถาวัฏฏนาวฬี ซี่โครงของอาตมภาพขึ้นนูนเป็นร่อง ๆ ดังกลอน
ศาลาเก่ามีเครื่องมุงอันหล่นโทรมอยู่ ฉะนั้น ดวงตาของอาตมภาพถล่มลึกเข้า
ไปในเบ้าตา ประหนึ่งดวงดาวปรากฏในบ่อน้ำลึกฉะนั้น ผิวศีรษะของอาตมภาพ
ที่รับสัมผัสอยู่ก็เหี่ยวแห้ง ดุจดังผลน้ำเต้าที่ตัดมาสด ๆ อันลมและแดดกระทบ
อยู่ก็เหี่ยวแห้ง ฉะนั้น. อาตมภาพคิดว่าจะลูบผิวหนังท้อง ก็จับถูกกระดูกสันหลัง
คิดว่าจะลูบกระดูกสันหลัง ก็จับถูกผิวหนังท้อง. ผิวหนังท้องกับกระดูกสันหลัง
ตัดอาหารเสียโดยประการทั้งปวงเลย ถ้าท่านจักปฏิบัติเพื่อตัดอาหารเสียโดย
ประการทั้งปวง ข้าพเจ้าทั้งหลายจัก
ท่านจักได้ยังชีวิตให้เป็นอยู่ด้วยโอชาอันเป็นทิพย์นั้น. อาตมภาพได้มีความคิด
เห็นว่า เราเองด้วยพึงปฏิญาณการไม่บริโภคอาหาร
เหล่านี้ด้วยพึง
ด้วยโอชาอันเป็นทิพย์นั้นด้วย ข้อนั้นพึงเป็นมุสาแก่เรา ดังนี้. อาตมภาพ
บอกเลิกกะเทวดาเหล่านั้น จึงกล่าวว่าอย่าเลย. แล้วอาตมภาพได้มีความคิด
เห็นว่า ถ้ากระไร เราพึงบริโภคอาหารลดลงวันละน้อย ๆ คือ วันละฟายมือ
บ้าง เท่าเยื่อถั่วเขียวบ้าง เท่าเยื่อถั่วพูบ้าง เท่าเยื่อถั่วดำบ้าง เท่าเยื่อใน
เมล็ดบัวบ้าง. อาตมภาพจึงบริโภคอาหารลดลงวันละน้อย คือ วันละฟายมือบ้าง
เท่าเยื่อถั่วเขียวบ้าง เท่าเยื่อถั่วพูบ้าง เท่าเยื่อถั่วดำบ้าง เท่าเยื่อในเมล็ดบัวบ้าง
เมื่อบริโภคอาหารลดลงวันละน้อย ๆ คือ วันละฟายมือบ้าง เท่าเยื่อถั่วเขียวบ้าง
เท่าเยื่อถั่วพูบ้าง เท่าเยื่อถั่วดำบ้าง เท่าเยื่อในเมล็ดบัวบ้าง กายก็ผอมเหลือเกิน
[๕๐๓] เพราะความเป็นผู้มีอาหารน้อยนั่นเอง อวัยวะน้อยใหญ่ของ
อาตมภาพย่อมเป็นเหมือนเถาวัลย์มีข้อมาก หรือเถาวัลย์มี
ของอาตมภาพเป็นเหมือนเท้าอูฐ ฉะนั้น กระดูกสันหลังของอาตมภาพผุดระกะ
เปรียบเหมือนเถาวัฏฏนาวฬี ซี่โครงของอาตมภาพขึ้นนูนเป็นร่อง ๆ ดังกลอน
ศาลาเก่ามีเครื่องมุงอันหล่นโทรมอยู่ ฉะนั้น ดวงตาของอาตมภาพถล่มลึกเข้า
ไปในเบ้าตา ประหนึ่งดวงดาวปรากฏในบ่อน้ำลึกฉะนั้น ผิวศีรษะของอาตมภาพ
ที่รับสัมผัสอยู่ก็เหี่ยวแห้ง ดุจดังผลน้ำเต้าที่ตัดมาสด ๆ อันลมและแดดกระทบ
อยู่ก็เหี่ยวแห้ง ฉะนั้น. อาตมภาพคิดว่าจะลูบผิวหนังท้อง ก็จับถูกกระดูกสันหลัง
คิดว่าจะลูบกระดูกสันหลัง ก็จับถูกผิวหนังท้อง. ผิวหนังท้องกับกระดูกสันหลัง
๒๑/๕๐๓/๑๑๕
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น