มากที่ได้สดับนั้นแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมไม่ บุคคลผู้สดับมาก แต่
ไม่ได้ประโยชน์เพราะการสดับ เป็นอย่างนี้แล
บุคคลผู้สดับมาก ทั้งได้ประโยชน์เพราะการสดับเป็นอย่างไร
(นวังคสัตถุศาสนา คำสอนของพระศาสดามีองค์ ๙ คือ) สุตตะ ฯลฯ เวทัลละ
บุคคลบางคนในโลกนี้ได้สดับมาก ทั้งเขารู้อรรถรู้ธรรมแห่งคำสอนเป็นอันมาก
ที่ได้สดับนั้นแล้ว ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม บุคคลผู้สดับมาก ทั้งได้
ประโยชน์เพราะการสดับ เป็นอย่างนี้แล.
ภิกษุทั้งหลาย นี้แลบุคคล ๔ จำพวกมีปรากฏอยู่ในโลก.
บุคคลใด ถ้าเป็นคนสดับน้อย ทั้งไม่
ตั้งอยู่ในศีล บัณฑิตทั้งหลายย่อมติเตียน
บุคคลนั้นทั้ง ๒ ทาง คือทั้งทางศีล ทั้ง
ทางสดับ.
บุคคลใด ถ้าแม้เป็นคนสดับน้อย
แต่ตั้งมั่นอยู่ในศีล บัณฑิตทั้งหลายย่อม
สรรเสริญบุคคลนั้นทางศีล แต่การสดับ
ของเขาบกพร่อง.
บุคคลใด ถ้าแม้เป็นคนสดับ มากอาทิผิด อักขระ
แต่ไม่ตั้งมั่นอยู่ในศีล บัณฑิตทั้งหลายย่อม
ติเตียนบุคคลนั้นทางศีล แต่การสดับของ
เขาพอการ.
บุคคลใด ถ้าเป็นคนสดับมาก ทั้ง
ตั้งมั่นอยู่ในศีล บัณฑิตทั้งหลายย่อม
สรรเสริญบุคคลนั้นทั้ง ๒ ทาง คือทั้งทาง
ศีล ทั้งทางการสดับ.
ไม่ได้ประโยชน์เพราะการสดับ เป็นอย่างนี้แล
บุคคลผู้สดับมาก ทั้งได้ประโยชน์เพราะการสดับเป็นอย่างไร
(นวังคสัตถุศาสนา คำสอนของพระศาสดามีองค์ ๙ คือ) สุตตะ ฯลฯ เวทัลละ
บุคคลบางคนในโลกนี้ได้สดับมาก ทั้งเขารู้อรรถรู้ธรรมแห่งคำสอนเป็นอันมาก
ที่ได้สดับนั้นแล้ว ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม บุคคลผู้สดับมาก ทั้งได้
ประโยชน์เพราะการสดับ เป็นอย่างนี้แล.
ภิกษุทั้งหลาย นี้แลบุคคล ๔ จำพวกมีปรากฏอยู่ในโลก.
บุคคลใด ถ้าเป็นคนสดับน้อย ทั้งไม่
ตั้งอยู่ในศีล บัณฑิตทั้งหลายย่อมติเตียน
บุคคลนั้นทั้ง ๒ ทาง คือทั้งทางศีล ทั้ง
ทางสดับ.
บุคคลใด ถ้าแม้เป็นคนสดับน้อย
แต่ตั้งมั่นอยู่ในศีล บัณฑิตทั้งหลายย่อม
สรรเสริญบุคคลนั้นทางศีล แต่การสดับ
ของเขาบกพร่อง.
บุคคลใด ถ้าแม้เป็นคน
แต่ไม่ตั้งมั่นอยู่ในศีล บัณฑิตทั้งหลายย่อม
ติเตียนบุคคลนั้นทางศีล แต่การสดับของ
เขาพอการ.
บุคคลใด ถ้าเป็นคนสดับมาก ทั้ง
ตั้งมั่นอยู่ในศีล บัณฑิตทั้งหลายย่อม
สรรเสริญบุคคลนั้นทั้ง ๒ ทาง คือทั้งทาง
ศีล ทั้งทางการสดับ.
๓๕/๖/๑๕
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น