วันอาทิตย์, ธันวาคม 11, 2565

Yuen

 
เรือนนี้แห่งเดียว ตลอดกึ่งเดือนนี้. ” รับปฏิญญาของพระศาสดาแล้ว
มีใจยินดีว่า “ บัดนี้ เราจักได้เพื่ออุปัฏฐากพระศาสดาและฟังธรรมตั้งแต่นี้
ไป ตลอดจนถึงวันมหาปวารณา ” เที่ยวจัดแจงกิจทุกอย่างในโรงครัว
ใหญ่ว่า “ พวกท่านจงต้มข้าวต้มอย่างนั้น จงนึ่งขนมอย่างนี้. ”
ครั้งนั้น สามีของนางคิดว่า “ พรุ่งนี้เป็นวันมหาปวารณา ” ยืนอาทิผิด อาณัติกะตรง
หน้าต่าง บ่ายหน้าไปทางโรงครัวใหญ่ ตรวจดูอยู่ด้วยคิดว่า “ นาง
อันธพาลนั้น เที่ยวทำอะไรอยู่หนอแล ? ” แลเห็นธิดาเศรษฐีนั้น ขะมุก-
ขะมอมไปด้วยเหงื่อ เปรอะด้วยเถ้า มอมแมมด้วยถ่านและเขม่า เที่ยวจัด
ทำอยู่อย่างนั้น จึงคิดว่า “ พุทโธ่ หญิงอันธพาล ไม่เสวยสมบัติมีสิริเช่นนี้
ในฐานะเห็นปานนี้, กลับมีจิตยินดีว่า ‘ เราจักอุปัฏฐากศีรษะโล้น.
เที่ยวไปได้ ’” จึงหัวเราะแล้วหลบไป.
เมื่อเศรษฐีบุตรนั้นหลบไปแล้ว. นางสิริมาซึ่งยืนอยู่ในที่ใกล้ของ
เขาคิดว่า “ เศรษฐีบุตรนั่นมองดูอะไรหนอแล จึงหัวเราะ ” จึงมองลงไป
ทางหน้าต่างนั้นแหละ เห็นนางอุตตราแล้วคิดว่า “ เศรษฐีบุตรนี้หัวเราะ
ก็เพราะเห็นนางคนนี้, ความชิดชมของเศรษฐีบุตรนี้คงมีกับด้วยนางนี้
เป็นแน่. ”
นางสิริมาหึงนางอุตตราเอาเนยใสเดือดรด
ได้ยินว่า นางสิริมานั้นแม้อยู่เป็นพาหิรกสตรีในเรือนนั้นตลอดกึ่ง
เดือน เสวยสมบัตินั้นอยู่ ก็ยังไม่รู้ตัวว่าเป็นหญิงภายนอก ได้ทำความ
สำคัญว่า “ ตัวเป็นแม่เจ้าเรือน. ” นางผูกอาฆาตต่อนางอุตตราว่า “ จัก
ต้องยังทุกข์ให้เกิดแก่มัน ” จึงลงจากปราสาท เข้าไปสู่โรงครัวใหญ่ เอา
 
๔๒/๒๗/๔๔๓

ไม่มีความคิดเห็น: