วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 03, 2566

Mahaphinetsakrom

 
เรื่องพิสดารมีอยู่ว่าวันหนึ่งภิกษุทั้งหลายนั่งประชุมกัน
ในโรงธรรมพรรณนามหาภิเนกขัมมบารมี. พระศาสดาเสด็จ
มาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอนั่งประชุมสนทนา
กันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว
จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตออกสู่มหาภิเนษกรมณ์อาทิผิด
มิใช่ในบัดนี้เท่านั้น แม้แต่ก่อนตถาคตก็สละเศวตฉัตรออกบวช
เหมือนกัน แล้วทรงนำเรื่องในอดีตมาตรัสเล่า.
ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน
กรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์ทรงถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของ
พระอัครมเหสีของพระองค์. เมื่อพระราชกุมารประสูติโดย
สวัสดี ในวันขนานพระนาม พระชนกชนนีตั้งพระนามว่า อสทิส
ราชกุมาร. ครั้นถึงคราวที่พระโอรสเสด็จดำเนินไปมาได้ สัตว์
ผู้มีบุญอื่นก็ทรงถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระราชเทวี. เมื่อ
พระโอรสนั้นประสูติโดยสวัสดี ในวันขนานพระนาม พระชนก-
ชนนีตั้งพระนามว่า พรหมทัตกุมาร. ในพระราชกุมารทั้งสอง
พระองค์ พระโพธิสัตว์เมื่อมีพระชนม์ได้สิบหกพรรษา เสด็จไป
เมืองตักกสิลา ทรงศึกษาไตรเพทและศิลปะทุกชนิด อันเป็น
พื้นฐานของวิชาสิบแปดประการหาผู้เปรียบมิได้ในศิลปะยิงธนู
แล้วเสด็จกลับกรุงพาราณสี.
พระราชาเมื่อจะเสด็จสวรรคต ได้มีพระราชโองการว่า
ให้มอบราชสมบัติแก่อสทิสราชกุมาร ให้ตำแหน่งอุปราชแก่
 
๕๗/๒๑๒/๑๗๒

ไม่มีความคิดเห็น: