วันจันทร์, ตุลาคม 24, 2565

Dai

 
ไม่สามารถบำเพ็ญสิกขา ๓ ให้เต็มได้ว่า เราจะไม่มีการกระทำอุโบสถ
ก็ดี ปวารณาก็ดี สังฆกรรมก็ดี กับท่าน แล้วหลีกเว้นไปเสีย. สมณะ
หรือพราหมณ์นั้นคิดว่า การบำเพ็ญข้อปฏิบัติให้เต็มบริบูรณ์ในศาสนา
ทำได้ยาก เปรียบเสมือนคมมีดโกน เป็นทุกข์ แต่การบวชเป็นดาบส ทำได้
ง่าย ทั้งชนก็นับถือมากมาย ดังนี้แล้ว จึงสึกออกมาเป็นดาบส. คนอื่น ๆ
เห็นเขาต่างพากันถามว่า ท่านทำอะไรหรือ. เขาจึงตอบว่า การงานใน
ศาสนาของพวกท่านหนักมาก แต่พวกเราก็ยังมีปรกติประพฤติด้วยความ
พอใจในศาสนานี้อยู่. แม้เขาก็คิดว่า ถ้าเมื่อเป็นเช่นนี้ แม้เราก็จะบวชใน
ศาสนานี้บ้าง ดังนี้แล้ว ศึกษาตามอย่างเขา บวชเป็นดาบส แม้พวกอื่น ๆ
ก็บวชเป็นดาบสทำนองนี้บ้าง เพราะฉะนั้น พวกดาบสจึงเพิ่มมากขึ้นโดย
ลำดับ. ในกาลที่พวกดาบสเหล่านั้นเกิดขึ้น ศาสนาชื่อว่าจักถอยหลัง. ชื่อว่า
พระพุทธเจ้าเห็นปานฉะนี้ เสด็จอุบัติขึ้นแล้วในโลก ศาสนาของพระองค์
ก็ได้ชื่อว่าเป็นเช่นนี้ เพราะฉะนั้น ศาสนาจึงจักเป็นเพียงเส้นด้ายอาทิผิด สระเท่านั้น.
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหมายถึงข้อนี้ จึงตรัสว่า การบวชเป็นดาบสเป็น
ปากทางแห่งความพินาศของศาสนา.
บทว่า จอบและตะกร้า ได้แก่ จอบและตะกร้า เพื่อจะเก็บหัว
เผือกมัน รากไม้และผลไม้. บทว่า ใกล้บ้านหรือ ใจความว่า ผู้ที่ยังมิได้
บรรลุถึงความถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นต้น สำคัญอยู่ว่า การ
ดำเนินชีวิตด้วยกสิกรรมเป็นต้น เป็นของลำบาก ดังนี้ เพื่อจะหลอกลวง
ให้คนหมู่มากหลงเชื่อ จึงสร้างโรงไฟ ในที่ใกล้หมู่บ้านบ้าง ในที่ใกล้
ตำบลบ้าง บำเรอไฟด้วยอำนาจกระทำการบูชาด้วยเนยใส น้ำมัน นมส้ม
น้ำผึ้ง งา และข้าวสาร เป็นต้น และด้วยไม้นานาชนิดอาศัยอยู่.
 
๑๑/๑๗๗/๕๗๒

ไม่มีความคิดเห็น: