วันเสาร์, ตุลาคม 01, 2565

Mahesi

 
และภิกษุสงฆ์ออกไปจากวัดอโศการาม เที่ยวจาริกไปทางทักขิณาคิรีชนบท ซึ่ง
เวียนรอบนครราชคฤห์ไปพร้อมกับพระเถระ ๔ รูป มีพระอิฏฏิยะเป็นต้นนั้น
สุมนสามเณร ผู้เป็นโอรสของพระนางสังฆมิตตา และภัณฑกอุบาสกเยี่ยมพวก
ญาติอยู่จนเวลาล่วงไปถึง ๖ เดือน. ครั้นนั้น พระเถระได้ไปถึงเมืองชื่อเวทิสนคร
อันเป็นสถานที่ประทับของพระมารดาโดยลำดับ
[ประวัติย่อของพระมหินทเถระ]
ได้ยินว่า พระเจ้าอโศกทรงได้ชนบท (ได้กินเมือง) ในเวลายังทรง
พระเยาว์ เมื่อเสด็จไปกรุงอุชเชนี ผ่านเวทิสนคร ได้ทรงรับธิดาของเวทิส-
เศรษฐี (เป็นอัครมเหสีอาทิผิด อักขระ). ในวันนั้นนั่นเอง พระนางก็ทรงครรภ์ แล้วได้
ประสูติมหินทกุมาร ที่กรุงอุชเชนี. ในเวลาที่พระกุมารมีพระชนม์ได้ ๑๔
พรรษา พระราชาทรงได้รับการอภิเษกขึ้น ครองราชย์. สมัยนั้น พระนาง
ที่เป็นมารดาของมหินทกุมารนั้น ก็ประทับอยู่ที่ตำหนักของพระประยูรญาติ
เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าจึงกล่าวไว้ว่า พระเถระได้ไปถึงเมืองชื่อเวทิสนคร
อันเป็นสถานที่ประทับของพระมารดาโดยลำดับ.
ก็แล พระเทวีผู้เป็นพระมารดาของพระเถระ ทอดพระเนตรเห็น
พระเถระผู้มาถึงแล้ว ก็ทรงไหว้เท้าทั้งสองด้วยเศียรเกล้า แล้วถวายภิกษา
ทรงมอบถวายวัดชื่อ เวทิสคิรีมหาวิหาร ที่ตนสร้างถวายพระเถระ. พระเถระ
นั่งคิดอยู่ที่วิหารนั้นว่า กิจที่เราควรกระทำในที่นี้สำเร็จแล้ว, บัดนี้ เป็นเวลา
ที่ควรจะไปยังเกาะลังกาหรือยังหนอแล. ลำดับนั้น ท่านดำริว่า ขอให้
พระราชกุมารพระนามว่า เทวนัมปิยดิส เสวยอภิเษก ที่พระชนกของเราทรง
ส่งไปถวายเสียก่อน, ขอให้ได้สดับคุณพระรัตนตรัย และเสด็จออกไปจาก
 
๑/๙/๑๒๑

ไม่มีความคิดเห็น: