วันศุกร์, ตุลาคม 07, 2565

Kratham

 
เหมือนอย่างว่า นายประกันคนใดคนหนึ่งให้โลก เพื่อรับมอบ
ประโยชน์บางอย่าง ย่อมซื้อสินค้าบ้าง ย่อมเป็นหนี้ (ซื้อเชื่อ) บ้าง การทำนั้น
ซึ่งก็เป็นเพียงการทำการงานของนายประกันนั้นนั่น เองเป็นปัจจัยในการรับมอบ
หมายประโยชน์นั้น มิใช่กิริยามีอยู่ หรือไม่มี เขาย่อมไม่ยอมเป็นลูกหนี้แม้
เกินกว่าการรับมอบหมายในประโยชน์นั้น เพราะเหตุไร ? เพราะความมอบ
หมายเป็นต้น ตนกระทำอาทิผิด สระไว้แล้ว ฉันใด แม้สังขารทั้งหลายผู้กระทำกรรมก็
ฉันนั้น ย่อมเป็นปัจจัยแก่ผลของตน เพราะตนกระทำ และย่อมไม่นำผลแม้
เกินกว่าการอำนวยผลตามควรแล.
ด้วยคำเพียงเท่านี้ ย่อมเป็นอันแสดงความเป็นไปแห่งปฏิสนธิวิญญาณ
ที่กำลังเป็นไปทั้ง ๒ อย่าง ด้วยสามารถธรรมที่ระคนด้วยรูปและไม่ระคนด้วย
รูป เพราะสังขารเป็นปัจจัย.
บัดนี้ เพื่อป้องกันความหลงลืมในวิญญาณ ๓๒ ดวง เหล่านั้นทั้งหมด
นั้นแหละ
พึงทราบสังขารเหล่านั้นว่าเป็นปัจจัย
แล้ววิญญาณเหล่าใด และเป็นปัจจัยใด ประ-
การใด ด้วยอำนาจแห่งปฏิสนธิกาล และ
ปวัตติกาล ในที่ทั้งหลายมีภพเป็นต้น.
ในคาถานั้น มีอธิบายว่า ธรรมเหล่านี้ คือ ภพ ๓ กำเนิด ๔ คติ ๕
วิญญาณฐิติ ๗ สัตตาวาส ๙ ชื่อว่า ภพเป็นต้น ในภพเป็นต้นเหล่านั้น สังขาร
เหล่านี้เป็นปัจจัยแก่วิปากวิญญาณเหล่าใด และสังขารเหล่านั้น เป็นปัจจัย ใน
ปฏิสนธิกาลและปวัตติกาล โดยประการใด บัณฑิตพึงทราบโดยประการนั้น.
 
๗๗/๒๗๓/๕๑๐

ไม่มีความคิดเห็น: