วันอังคาร, พฤศจิกายน 22, 2565

Phro

 
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุปฺปตนฺเตสุ ได้แก่ ยกตนให้สูง คือ
เมื่อสัตว์ทั้งหลายไม่เข้าไปสงบแล้ว โดยยกตนขึ้น ด้วยกิเลสมีมานะ. อุทธัจจะ
ถัมภะ และสารัมภะเป็นต้น.
บทว่า นิปเต ได้แก่ พึงน้อมตนลง คือพึงเป็นผู้มีความประพฤติ
นอบน้อม โดยเว้นบาปธรรมเหล่านั้นเสียทุกอย่าง.
บทว่า นิปตนฺเตสุ ได้แก่ ตกต่ำ คือ เมื่อสัตว์ทั้งหลายเสื่อมจากคุณ
เพราะอาทิผิด สระกระทำอธิมุตติให้ต่ำ และเพราะความเกียจคร้าน.
บทว่า อุปฺปเต ได้แก่ พึงยกขึ้น คือ พึงสนับสนุนขวนขวายโดยคุณ
เพราะกระทำให้มีอธิมุตติประณีต และเพราะการปรารภความเพียร.
อีกอย่างหนึ่ง บทว่า อุปฺปตนฺเตสุ ได้แก่ โอหัง คือ ยกศีรษะขึ้น
(ชูคอ) ด้วยสามารถแห่งความกลุ้มรุมของกิเลสทั้งหลาย.
บทว่า นิปเต ความว่า พึงถ่อมตนด้วยการพิจารณาอันสมควร
โดยประการที่กิเลสเหล่านั้น จะไม่เกิดขึ้นด้วยกำลังแห่งการพิจารณา.
บทว่า นิปตนฺเตสุ ความว่า ตกไปโดยรอบ คือ เมื่อความเพียร
และความพยายามอ่อน ในเพราะการทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย หรือเมื่อธรรม
คือสมถะ และวิปัสสนา ตามที่ปรารภแล้วเสื่อมไป.
บทว่า อุปฺปเต ความว่า พึงยังคนเหล่านั้นให้เข้าไปตั้งไว้ คือให้เกิด
และพึงให้เจริญ ด้วยโยนิโสมนสิการ และด้วยการถึงพร้อมแห่งวิริยารัมภะ
(ปรารภความเพียร).
บทว่า วเส อวสมาเนสุ ความว่า เมื่อสัตว์ทั้งหลายไม่อยู่อย่างผู้
ประพฤติมรรคพรหมจรรย์ และอยู่อย่างพระอริยเจ้า ตนเองพึงอยู่แบบมรรค-
พรหมจรรย์ และแบบพระอริยะนั้น อีกอย่างหนึ่ง หมายความว่า เมื่อพระ
อริยเจ้าทั้งหลายไม่อยู่อย่างผู้มีกิเลส คือไม่อยู่อย่างผู้มีคู่ (มีบุตรมีภรรยา) คน
เหล่านั้น ชื่อว่าย่อมอยู่อย่างผู้มีกิเลส (ส่วน) ตนเองต้องอยู่อย่างพระอริยเจ้านั้น
 
๕๐/๒๑๓/๓๘๐

ไม่มีความคิดเห็น: