วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 20, 2566

Mai

 
บทว่า วสิตา สุสานมชฺเฌ ความว่า เป็นนางสุนัขบ้าน นาง
สุนัขจิ้งจอก คอยกินเนื้อมนุษย์ อยู่กลางป่าช้า. บทว่า ขาทิตานิ
ปุตฺตมํสานิ ได้แก่ กินแม้แต่เนื้อบุตร ครั้งที่เป็นเสือโคร่ง เสือเหลืองและ
เสือปลา เป็นต้น. บทว่า หตกุลิกา ได้แก่ มีวงศ์สกุลพินาศแล้ว. บทว่า
สพฺพครหิตา ได้แก่ ถูกผู้ครองเรือนทุกคนติเตียน คือถึงความตำหนิ. บทว่า
มตปติกา แปลว่า หญิงหม้ายอาทิผิด อาณัติกะ ก็พระเถรีกล่าวยึดทั้งสามประการนี้ ที่มาถึงตน
ตามลำดับในอัตภาพก่อน แม้เป็นอย่างนี้ ก็ยังบรรลุอมตธรรม คือบรรลุ
พระนิพพาน ที่มีการเสพกัลยาณมิตรที่ได้มาเอง.
บัดนี้ พระเถรีเพื่อแสดงการบรรลุอมตะนั้นนั่นแลให้ปรากฏ จึง
กล่าวว่า ภาวิโต เป็นต้น. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ภาวิโต ได้แก่ ให้มี
แล้ว ให้เกิดแล้ว ให้เจริญแล้ว โดยการอบรมและตรัสรู้. บทว่า ธมฺมาทาสํ
อเวกฺขึหํ ได้แก่ข้าพเจ้าได้พบได้เห็นกระจกทำด้วยธรรม.
บทว่า อหมมฺหิ กนฺตสลฺลา ความว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้มีกิเลสดุจ
ลูกศรมีราคะเป็นต้นอันถอนได้แล้วด้วยอริยมรรค. บทว่า โอหิตภารา ได้แก่
มีภาระคือกามขันธ์ กิเลสและอภิสังขารอันปลงลงแล้ว. บทว่า กตํ หิ
กรณียํ ได้แก่กิจ ๑๖ มีต่างโดยปริญญากิจเป็นต้น ข้าพเจ้าก็กระทำเสร็จ
แล้ว. ด้วยบทว่า สุวิมุตฺตจิตฺตา อิมํ ภณิ พระเถรีกล่าวถึงตนเองเหมือน
คนอื่นว่า พระกิสาโคตมีเถรี ผู้มีจิตหลุดพันแล้วโดยประการทั้งปวง ได้กล่าว
ความนี้โดยการผูกเป็นคาถา ด้วยคำว่า กลฺยาณมิตฺตตา เป็นต้นในอปทาน
ของพระเถรีนี้ ในข้อนั้น มีดังนี้
พระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมมุตตระ ผู้ทรงถึงฝั่ง
แห่งธรรมทั้งปวง ทรงเป็นผู้นำ ทรงอุบัติในแสนกัป
นับแต่กัปนี้
๑. ขุ. อ. ๓๓/ข้อ ๑๖๒ กีสาโคตมีเถรีอปทาน.
 
๕๔/๔๖๔/๓๐๙

ไม่มีความคิดเห็น: