วันอาทิตย์, เมษายน 09, 2566

Pho

 
อาจารย์บางพวกกล่าวว่า “ไปด้วยอานุภาพของพระพุทธเจ้าบ้าง” ทีเดียว.
ก็ในขณะนั้น พระศาสดาเสด็จเข้าไปสู่กรุงสาวัตถีเพื่อบิณฑบาต.
พาหิยะนั้นถามภิกษุทั้งหลายผู้ฉันอาหารเช้าแล้ว เดินจงกรมอยู่ในที่แจ้ง
เพื่อต้องการเปลื้องความคร้านทางกายว่า “เดี๋ยวนี้ พระศาสดาประทับ
อยู่ที่ไหน ?” ภิกษุทั้งหลายตอบว่า “เสด็จเข้าไปกรุงสาวัตถีเพื่อบิณฑบาต”
แล้วถามบุรุษนั้นว่า “ก็ท่านมาแต่ที่ไหนเล่า ?”
ทารุจีริยะ. ข้าพเจ้ามาแต่ท่าเรือสุปปารกะ.
ภิกษุ. ท่านออกในกาลไร ?
ทารุจีริยะ. ข้าพเจ้าออกในเวลาเย็นวานนี้.
ภิกษุ. ท่านมาแต่ที่ไกล, จงนั่งก่อน, ล้างเท้าแล้วทาด้วยน้ำมัน
แล้ว จงพักเหนื่อยเสียหน่อย, ท่านจักเห็นพระศาสดา ในเวลาที่เสด็จมา.
ทารุจีริยะ. ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าไม่รู้อันตรายแห่งชีวิตของพระ-
ศาสดาหรือของข้าพเจ้า, ข้าพเจ้าไม่ได้หยุด ไม่ได้นั่งในที่ไหน เดินมา
สิ้นทาง ๑๒๐ โยชน์โดยคืนเดียวเท่านั้น, ข้าพเจ้าพออาทิผิด อักขระเห็นพระศาสดาแล้ว
จึงจักพักเหนื่อย.
พาหิยะนั้น กล่าวอย่างนั้นแล้ว มีทีท่าเร่งร้อน๑. เข้าไปยังกรุงสาวัตถี
เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเที่ยวไปบิณฑบาตด้วยพุทธสิริอันหาที่เปรียบ
มิได้ คิดว่า “นานหนอ เราเห็นพระโคดมสัมมาสัมพุทธะ” ดังนี้แล้ว ก็น้อม
ตัวเดินไปตั้งแต่ที่ๆ ตนเห็น ถวายบังคมด้วยเบญจางคประดิษฐ์ในระหว่าง
ถนน จับที่ข้อพระบาททั้งสองแน่น แล้วกราบทูลอย่างนี้ว่า “พระเจ้าข้า
๑. ตรมานรูโป=มีรูปแห่งบุคคลผู้ด่วน แปลตรงศัพท์ ไม่ได้ความแก่ภาษา, เพื่อให้ได้ความ
แก่ภาษาและเหมาะแก่เรื่อง จึงได้แปลอย่างนั้น.
 
๔๑/๑๘/๔๒๙

ไม่มีความคิดเห็น: