วันเสาร์, มีนาคม 02, 2567

Praphruet

 
เมื่อก่อนของเขาว่าศูทรนั้น หายไปเสียแล้ว เขาย่อมถึงการนับว่าเป็นโจร
นั่นเทียว.
[๔๗๘] ดูก่อนมหาบพิตร มหาบพิตรจะเข้าพระทัยความข้อนั้น
เป็นไฉน ถ้าเมื่อเป็นเช่นนั้น วรรณะสี่เหล่านี้ก็เป็นผู้เสมอกันหมดหรือมิใช่
หรือมหาบพิตรจะมีความเข้าพระทัยในวรรณะสี่เหล่านั้นอย่างไร.
ข้าแต่พระกัจจานะผู้เจริญ แน่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ วรรณะสี่เหล่านี้
ก็เป็นผู้เสมอกันหมด ในวรรณะสี่เหล่านี้ ข้าพเจ้าไม่เห็นจะต่างอะไรกัน.
[๔๗๙] ดูก่อนมหาบพิตร คำที่อาตมภาพกล่าวว่า วรรณะที่ประเสริฐ
คือพราหมณ์เท่านั้น วรรณะอื่นเลว ...พราหมณ์เป็นทายาทของพรหม นั่น
เป็นแต่คำโฆษณาในโลกเท่านั้น ดังนี้ บัณฑิตพึงทราบโดยปริยายแม้นี้ ดูก่อน
มหาบพิตร มหาบพิตรจะเข้าพระทัยความข้อนั้นเป็นไฉน กษัตริย์ในโลกนี้
พึงปลงพระเกศาและพระมัสสุ ทรงนุ่งห่มผ้ากาสายะเสด็จจากพระราชนิเวศน์
ทรงผนวชเป็นบรรพชิต ทรงเว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ ทรงเว้นขาดจากการ
ลักทรัพย์ ทรงเว้นจากการพูดเท็จ ฉันภัตตาหารครั้งเดียว ประอาทิผิด อักขระพฤติ
พรหมจรรย์ มีศีลมีกัลยาณธรรม มหาบพิตรจะทรงทำอย่างไรกะราชบรรพชิต
นั้น.
ข้าแต่พระกัจจานะผู้เจริญ ข้าพเจ้าพึงกราบไหว้บ้าง พึงลุกรับบ้าง
พึงเชื้อเชิญด้วยอาสนะบ้าง พึงบำรุงราชบรรพชิตนั้นด้วยจีวร บิณฑบาต
เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขารบ้าง พึงจัดการรักษาป้องกันคุ้มครอง
อันเป็นธรรมกะราชบรรพชิตนั้นบ้าง ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะชื่อเมื่อก่อน
ของเขาว่ากษัตริย์นั้นหายไปแล้ว เขาย่อมถึงการนับว่าสมณะนั่นเทียว.
[๔๘๐] ดูก่อนมหาบพิตร มหาบพิตรจะเข้าพระทัยความข้อนั้นเป็น
ไฉน พราหมณ์...แพศย์...ศูทรในโลกนี้ พึงปลงผมและหนวดนุ่งห่มผ้า-
 
๒๑/๔๗๙/๙๗

ไม่มีความคิดเห็น: