วันเสาร์, มีนาคม 08, 2568

Tathakhot

 
มนุษย์ อสูร นาค คนธรรพ์ และหมู่สัตว์เหล่าอื่นเป็นอันมากเป็นผู้ใคร่ต่อ
ความสุข ก็จงมีความสุขเช่นกัน.
[๒๕๑] ก็แหละพระตถาคตทั้งหลายย่อมตรัสรับรองเทวดาผู้มีศักดา
ใหญ่เห็นปานนี้ ด้วยอาการอย่างนี้. ท้าวสักกะจอมเทพ อันพระตถาคตอาทิผิด อักขระเจ้า
ตรัสรับรองแล้ว เสด็จเข้าไปสู่ถ้ำอินทสาล ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า
แล้วได้ประทับยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ถึงหมู่เทพชั้นดาวดึงส์ ทั้งปัญจสิข
คนธรรพเทพบุตร ก็เข้าไปถวายอภิวาทแล้วยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ดุจกัน.
ก็แหละโดยสมัยนั้น ถ้ำอินทสาลเป็นสถานอันไม่สม่ำเสมอ ได้ถึงความสม่ำเสมอ
เคยคับแคบ ได้ถึงความกว้างขวาง ความมืดในถ้ำได้หายไป ความสว่างไสว
บังเกิดขึ้นแทน เพราะเทวานุภาพ.
[๒๕๒] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสกะท้าวสักกะจอมเทพ
ว่า การที่ท้าวโกสีย์ผู้มีกิจมาก มีกรณียะมาก เสด็จมา ณ ถ้ำนี้น่าอัศจรรย์
ยังไม่เคยมีแล้วมามีขึ้น. ท้าวสักกะทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์
หลีกไปเสียนาน ตั้งใจจะเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่ แต่ข้าพระองค์ยุ่งด้วยกิจ
และกรณียะบางอย่าง ของหมู่เทพชั้นดาวดึงส์ จึงไม่อาจจะเข้าเฝ้าพระผู้มี
พระภาคเจ้าได้. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ
ที่สลฬคันธกุฎี ใกล้กรุงสาวัตถี ครั้งนั้น ข้าพระองค์ได้ไปเฝ้า แต่พระผู้มี
พระภาคเจ้าประทับนั่งเข้าสมาธิอันใดอันหนึ่งเสีย นางภุชคีเทพธิดาบริจาริกา
ของท้าวเวสวัณมหาราช เป็นผู้อุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเจ้า ยืนประคอง
อัญชลีนมัสการอยู่ ข้าพระองค์ได้กล่าวกะนางว่า ดูก่อนน้องหญิง เธอจง
อภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้าแทนเรา กราบทูลว่า ท้าวสักกะจอมเทพพร้อมด้วย
อำมาตย์และบริวาร ขอถวายบังคมบาทพระยุคลด้วยเศียรเกล้า. เมื่อข้าพระองค์
กล่าวแล้วอย่างนี้ นางได้บอกแก่ข้าพระองค์ว่า บัดนี้มิใช่กาลจะเฝ้า เพราะ
 
๑๔/๒๕๑/๑๒๖

ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก