นำพระราชบุตรเสด็จกลับ ถ้าเจ้ารู้ จงบอกหนทาง
แก่เรา.
เจตบุตรกล่าวว่า
[๑๑๓๘] ดูก่อนพราหมณ์ ท่านเป็นทูตที่รักของ
พระเวสสันดรผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะให้
เต้าน้ำผึ้ง และขาเนื้อย่างเป็นบรรณาการแก่ท่าน และ
จักบอกประเทศที่พระเวสสันดรหน่อกษัตริย์ผู้ให้สำเร็จ
ความประสงค์ประทับอยู่แก่ท่าน.
จบชูชกบรรพ
เจตบุตรกล่าวว่า
[๑๑๓๙] ดูก่อนมหาพราหมณ์ นั่นภูเขาคันท-
มาทน์อันล้วนแล้วด้วยหิน พระเวสสันดรเจ้า พร้อม
ด้วยพระโอรสพระธิดาและพระมเหสีทรงเพศนักบวช
อันประเสริฐ ทรงขอสำหรับสอยผลไม้ เครื่องบูชา
ไฟและชฎา ทรงนุ่งห่มหนังเสือ บรรทมเหนือแผ่น-
ดิน ทรงบูชาไฟ ประทับอยู่ ณ อาศรมใด เมื่อท่าน
บ่ายหน้าเดินทางไปทางทิศอุดร จะได้เห็นอาศรมนั้น
นั่นหมู่ไม้เขียวชะอุ่ม มียอดสูงตระหง่านอาทิผิด อักขระ คือ ไม้
ตะแบก หูกวาง ไม้ตะเคียน ไม้รัง ไม้ตะคร้อ ไม้
ยางทราย ย่อมหวั่นไหวไปตามลม ดังมาณพดื่มสุรา
คราวเดียวก็ซวนเซไปมาอยู่ฉะนั้น ท่านได้ฟังเสียงฝูง
นกอันจับอยู่บนกิ่งไม้ปานดังเสียงเพลงขับทิพย์ คือ
แก่เรา.
เจตบุตรกล่าวว่า
[๑๑๓๘] ดูก่อนพราหมณ์ ท่านเป็นทูตที่รักของ
พระเวสสันดรผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะให้
เต้าน้ำผึ้ง และขาเนื้อย่างเป็นบรรณาการแก่ท่าน และ
จักบอกประเทศที่พระเวสสันดรหน่อกษัตริย์ผู้ให้สำเร็จ
ความประสงค์ประทับอยู่แก่ท่าน.
จบชูชกบรรพ
เจตบุตรกล่าวว่า
[๑๑๓๙] ดูก่อนมหาพราหมณ์ นั่นภูเขาคันท-
มาทน์อันล้วนแล้วด้วยหิน พระเวสสันดรเจ้า พร้อม
ด้วยพระโอรสพระธิดาและพระมเหสีทรงเพศนักบวช
อันประเสริฐ ทรงขอสำหรับสอยผลไม้ เครื่องบูชา
ไฟและชฎา ทรงนุ่งห่มหนังเสือ บรรทมเหนือแผ่น-
ดิน ทรงบูชาไฟ ประทับอยู่ ณ อาศรมใด เมื่อท่าน
บ่ายหน้าเดินทางไปทางทิศอุดร จะได้เห็นอาศรมนั้น
นั่นหมู่ไม้เขียวชะอุ่ม มียอดสูง
ตะแบก หูกวาง ไม้ตะเคียน ไม้รัง ไม้ตะคร้อ ไม้
ยางทราย ย่อมหวั่นไหวไปตามลม ดังมาณพดื่มสุรา
คราวเดียวก็ซวนเซไปมาอยู่ฉะนั้น ท่านได้ฟังเสียงฝูง
นกอันจับอยู่บนกิ่งไม้ปานดังเสียงเพลงขับทิพย์ คือ
๖๔/๑๑๓๙/๕๒๙
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น