พระโคดมผู้เจริญนั้น เปรียบเหมือนเมล็ดผักกาด เมื่อนำไป เทียบอาทิผิด กับ
เขาสิเนรุ รอยเท้าโค. เมื่อนำไปเทียบกับมหาสมุทร หยดน้ำค้าง เมื่อนำ
ไปเทียบกับน้ำในสระใหญ่ ๗ สระ ก็เป็นของกระจิริดอาทิผิด คือ เล็กน้อยฉันใด
คุณของพวกเรา เมื่อนำไปเทียบกับพระคุณมีพระชาติสมบัติเป็นต้น ของ
พระสมณโคดม เป็นของนิดหน่อย คือ เล็กน้อย ฉันนั้น เพราะฉะนั้น
พวกเรานั้นแหละ ควรไปเฝ้าพระโคดมผู้เจริญ.
บทว่า ทรงละหมู่พระญาติมากมาย คือทรงละตระกูลพระญาติ
แสนหกหมื่นอย่างนี้ คือ ฝ่ายพระมารดาแปดหมื่น ฝ่ายพระบิดาแปดหมื่น.
ในบทนี้ว่า อยู่ในดินและตั้งอยู่ในอากาศ ทรัพย์ที่เขาขุดสระโบก-
ขรณีที่ฉาบปูนเกลี้ยงในพระลานหลวง และในพระราชอุทยาน ใส่แก้ว ๗
ประการจนเต็ม แล้วฝังไว้ในแผ่นดิน ชื่อว่าทรัพย์อยู่ในดิน. ส่วนทรัพย์
ที่ตั้งไว้จนเต็มประสาทและป้อม เป็นต้น ชื่อว่า ตั้งอยู่ในอากาศ. ทรัพย์
ที่ตกทอดมาตามความหมุนเวียนแห่งตระกูลมีเพียงเท่านี้ก่อน. แต่ในวันที่
พระตถาคตอุบัติขึ้นแล้วนั่นแหละ มีขุมทรัพย์ ๔ ขุม คือ ขุมทรัพย์ชื่อ
สังขะ ๑ ชื่อเอละ ๑ ชื่ออุปปละ ๑ ชื่อปุณฑริก ๑ ผุดขึ้นแล้ว. บรรดา
ขุมทรัพย์ทั้ง ๔ นั้น ขุมทรัพย์ชื่อสังขะมีคาวุตหนึ่ง ขุมทรัพย์ชื่อเอละมี
ครึ่งโยชน์ ขุมทรัพย์ชื่ออุปปละมีสามคาพยุต ขุมทรัพย์ชื่อปุณฑริกะมี
โยชน์หนึ่ง ทรัพย์ที่ถือเอา ๆ แม้ในขุมทรัพย์เหล่านั้น ก็กลับเต็มอีก.
พึงทราบว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงละเงินทองมากมายแล้ว ออกผนวช
ด้วยประการฉะนี้.
บทว่า ยังเป็นคนหนุ่ม คือยังเป็นเด็ก. บทว่า มีพระเกศาดำสนิท
คือมีพระเกศาดำขลับ ความว่า มีพระเกศาเช่นเดียวกับสียาหยอดตา.
บทว่า เจริญ คือ ดี. บทว่า วัยที่หนึ่ง คือ ปฐมวัยในบรรดาวัยทั้งสาม.
เขาสิเนรุ รอยเท้าโค. เมื่อนำไปเทียบกับมหาสมุทร หยดน้ำค้าง เมื่อนำ
ไปเทียบกับน้ำในสระใหญ่ ๗ สระ ก็เป็นของ
คุณของพวกเรา เมื่อนำไปเทียบกับพระคุณมีพระชาติสมบัติเป็นต้น ของ
พระสมณโคดม เป็นของนิดหน่อย คือ เล็กน้อย ฉันนั้น เพราะฉะนั้น
พวกเรานั้นแหละ ควรไปเฝ้าพระโคดมผู้เจริญ.
บทว่า ทรงละหมู่พระญาติมากมาย คือทรงละตระกูลพระญาติ
แสนหกหมื่นอย่างนี้ คือ ฝ่ายพระมารดาแปดหมื่น ฝ่ายพระบิดาแปดหมื่น.
ในบทนี้ว่า อยู่ในดินและตั้งอยู่ในอากาศ ทรัพย์ที่เขาขุดสระโบก-
ขรณีที่ฉาบปูนเกลี้ยงในพระลานหลวง และในพระราชอุทยาน ใส่แก้ว ๗
ประการจนเต็ม แล้วฝังไว้ในแผ่นดิน ชื่อว่าทรัพย์อยู่ในดิน. ส่วนทรัพย์
ที่ตั้งไว้จนเต็มประสาทและป้อม เป็นต้น ชื่อว่า ตั้งอยู่ในอากาศ. ทรัพย์
ที่ตกทอดมาตามความหมุนเวียนแห่งตระกูลมีเพียงเท่านี้ก่อน. แต่ในวันที่
พระตถาคตอุบัติขึ้นแล้วนั่นแหละ มีขุมทรัพย์ ๔ ขุม คือ ขุมทรัพย์ชื่อ
สังขะ ๑ ชื่อเอละ ๑ ชื่ออุปปละ ๑ ชื่อปุณฑริก ๑ ผุดขึ้นแล้ว. บรรดา
ขุมทรัพย์ทั้ง ๔ นั้น ขุมทรัพย์ชื่อสังขะมีคาวุตหนึ่ง ขุมทรัพย์ชื่อเอละมี
ครึ่งโยชน์ ขุมทรัพย์ชื่ออุปปละมีสามคาพยุต ขุมทรัพย์ชื่อปุณฑริกะมี
โยชน์หนึ่ง ทรัพย์ที่ถือเอา ๆ แม้ในขุมทรัพย์เหล่านั้น ก็กลับเต็มอีก.
พึงทราบว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงละเงินทองมากมายแล้ว ออกผนวช
ด้วยประการฉะนี้.
บทว่า ยังเป็นคนหนุ่ม คือยังเป็นเด็ก. บทว่า มีพระเกศาดำสนิท
คือมีพระเกศาดำขลับ ความว่า มีพระเกศาเช่นเดียวกับสียาหยอดตา.
บทว่า เจริญ คือ ดี. บทว่า วัยที่หนึ่ง คือ ปฐมวัยในบรรดาวัยทั้งสาม.
๑๒/๑๙๘/๒๕
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น