วันศุกร์, มีนาคม 03, 2566

Phu

 
เหล่าอื่น เมื่อไม่คบหาภิกษุเหล่าอื่น จึงไม่ฟังสัทธรรม เมื่อไม่ฟังสัทธรรม
จึงเสื่อมจากสัทธรรม นี้เป็นโทษในความเลื่อมใสที่เกิดขึ้นในบุคคลข้อที่ ๑.
อีกประการหนึ่ง บุคคลย่อมเลื่อมใสในบุคคลใด บุคคลนั้นต้องอาบัติ
อันเป็นเหตุให้สงฆ์บังคับให้เขานั่งที่สุดสงฆ์ เขาจึงคิดอย่างนี้ว่า บุคคลผู้เป็น
ที่รักที่ชอบใจของเรานี้ ถูกสงฆ์บังคับให้นั่งในที่สุดสงฆ์เสียแล้ว เขาจึงเป็นผู้
ไม่มีความเลื่อมใสมากในพวกภิกษุ. . . จึงเสื่อมจากสัทธรรม นี้เป็นโทษใน
ความเลื่อมใสที่เกิดขึ้นในบุคคลข้อที่ ๒.
อีกประการหนึ่ง บุคคลย่อมเลื่อมใสในบุคคลใด บุคคลนั้นหลีกไปสู่
ทิศเสีย เขาจึงคิดอย่างนี้ว่า บุคคลผู้เป็นที่รักที่ชอบใจของเรานี้ หลีกไปสู่ทิศ
เสียแล้ว เขาจึงเป็นผู้ไม่มีความเลื่อมใสมากในพวกภิกษุ. . . จึงเสื่อมจาก
สัทธรรม นี้เป็นโทษในความเลื่อมใสที่เกิดขึ้นในบุคคลข้อที่ ๓.
อีกประการหนึ่ง บุคคลย่อมเลื่อมใสในบุคคลใด บุคคลนั้นลาสิกขา
เขาจึงคิดอย่างนี้ว่า บุคคลผู้อาทิผิด อักขระเป็นที่รักที่ชอบใจของเรานี้ ลาสิกขาเสียแล้ว เขา
จึงไม่คบหาภิกษุเหล่าอื่น. . . จึงเสื่อมจากสัทธรรม นี้เป็นโทษในความเลื่อมใส
ที่เกิดขึ้นในบุคคลข้อที่ ๔.
อีกประการหนึ่ง บุคคลย่อมเลื่อมใสในบุคคลใด บุคคลนั้นกระทำ
กาละเสีย เขาจึงคิดอย่างนี้ว่า บุคคลผู้เป็นที่รักที่ชอบใจของเรานี้ กระทำ
กาละเสียแล้ว เขาจึงไม่คบหาภิกษุเหล่าอื่น จึงไม่ฟังสัทธรรม เมื่อไม่ฟัง
สัทธรรม จึงเสื่อมจากสัทธรรม นี้เป็นโทษในความเลื่อมใสที่เกิดขึ้นในบุคคล
ข้อที่ ๕.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โทษในความเลื่อมใสที่เกิดในบุคคล ๕
ประการนี้แล.
จบปุคคลปสาทสูตรที่ ๑๐
จบทุจริตวรรคที่ ๕
 
๓๖/๒๕๐/๕๐๒

ไม่มีความคิดเห็น: