วันเสาร์, มีนาคม 11, 2566

Khati

 
อนุพยัญชนะ ๘๐ เป็นต้น แลเพราะมีพระธรรมกายอันประดับด้วยคุณ มี
ทศพลญาณ และจตุเวสารัชญาณเป็นต้น และมีทัสสนะอันชาวโลกทั้งสิ้น
จะพึงประมาณมิได้ และเพราะมีทัสสนะหาผู้เสมอเหมือนมิได้.
ชื่อว่า มหานาคะ เพราะเป็นผู้เสมือนกุญชรเชือกประเสริฐใหญ่
เหตุเพียบพร้อมด้วยคติอาทิผิด กำลังและความบากบั่น และเพราะมีอานุภาพมาก
แม้ในบรรดาท่านผู้ประเสริฐคือพระขีณาสพ. ชื่อว่า มหาวีระ เพราะย่ำยี
มารและเสนามารเสียได้ และเพราะมีความกล้าหาญอย่างใหญ่หลวง.
บทว่า มหาชุตึ ความว่า ผู้มีเดชเกิดจากมีคลังทรัพย์จับจ่ายมาก
คือผู้มีเดชมาก. ชื่อว่า อนาสวะ ไม่มีอาสวะ เพราะท่านไม่มีอาสวะทั้ง ๔.
ชื่อว่า สิ้นอาสวะทั้งปวง เพราะอาสวะทั้งปวงพร้อมด้วยวาสนาของท่าน
หมดสิ้นแล้ว. เพราะจะแสดงว่า สาวกพุทธเจ้า และพระปัจเจกพุทธะ
เป็นผู้ชื่อว่าสิ้นอาสวะโดยแท้ ถึงอย่างนั้น เฉพาะพระสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย
ย่อมชื่อว่าย่อมทำอาสวะพร้อมด้วยวาสนาให้สิ้นไป ท่านจึงกล่าวว่า อนาสวํ
แล้วกล่าวอีกว่า สพฺพาสวปริกฺขีณํ. ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า
ชื่อว่าผู้สิ้นอาสวะทั้งปวง เพราะท่านสิ้นอาสวะทั้งปวงพร้อมทั้งวาสนาสิ้น
แล้ว. มีวาจาประกอบความว่า ชื่อว่าเป็นศาสดา เพราะทรงพร่ำสอน
เวไนยสัตว์ตามสมควร ด้วยประโยชน์ในปัจจุบัน และด้วยประโยชน์ใน
สมัยปรายภพ ชื่อว่าผู้ไม่มีภัยแต่ที่ไหน ๆ เพราะไม่มีภัยแม้แต่ที่ไหน ๆ
เหตุเป็นผู้แกล้วกล้าด้วยเวสารัชญาณ ๔ เพราะเหตุได้เห็นพระสัมมา-
สัมพุทธเจ้าเห็นปานนั้น ฉะนั้น เราจึงเป็นผู้ชื่อว่ามาดีแล้ว.
บัดนี้ เมื่อจะแสดงคุณที่ตนได้แล้ว เพราะได้เห็นพระศาสดา จึง
ได้กล่าวคาถาที่ ๔
 
๕๒/๓๒๘/๓๔

ไม่มีความคิดเห็น: