วันพุธ, พฤษภาคม 31, 2566

Thi

 
กิเลสทั้งหลายแล้ว ฯ ล ฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า
เรากระทำสำเร็จแล้ว ดังนี้.
ก็พระเถระครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว เมื่อจะกล่าวถึงข้อปฏิบัติของตน
ด้วยสามารถแห่งอุทาน จึงได้กล่าวคาถาว่า
เราได้สละภาชนะทองคำ มีน้ำหนักประมาณ
๑๐๐ ปละ วิจิตรด้วยลวดลายตั้งร้อยชนิด มาถือบาตร
ดิน นี้เป็นการอภิเษกครั้งที่สองของเรา ดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า หิตฺวา แปลว่า สละแล้ว.
บทว่า สตปลํ ได้แก่ภาชนะทองคำ ที่มีน้ำหนักประมาณ ๑๐๐ ปละ.
บทว่า กํสํ ได้แก่ กังสดาล. บทว่า โสวณฺณํ แปลว่า สำเร็จด้วยทอง.
บทว่า สตราชิกํ ความว่า ประกอบด้วยลวดลายมิใช่น้อย เพราะ
ความเป็นภาชนะที่มีฝาอันวิจิตร และงดงามด้วยแนวแห่งลายเขียนเป็นอเนก.
บทว่า อคฺคหึ มตฺติกามตฺตํ ความว่า พระเถระในกาลก่อน เคยฉัน
ในภาชนะมีค่ามากเห็นปานนี้ เมื่อกระทำตามพระพุทธโอวาท คิดว่า บัดนี้
เราละภาชนะทอง แล้วถือบาตรดิน โอ ! เราทำกรรมดีแล้วหนอ ธรรมเนียม
ของพระอริยเจ้า ดำรงมาแล้วโดยลำดับดังนี้แล้ว กล่าวอนุโมทนาการสละราช
สมบัติ และการเข้าถึงบรรพชาเพศ โดยแถลงยกย่องภาชนะ (ดิน). ด้วยเหตุนั้น
พระเถระจึงกล่าวว่า นี้เป็นการอภิเษกครั้งที่ ๒ ของเรา ดังนี้. อธิบายว่า
การเข้าถึงบรรพชาเพศนี้ ชื่อว่าเป็นการอภิเษกครั้งที่สองของเรา โดยถือเอา
ราชาภิเษก เป็นการอภิเษกครั้งแรก. เพราะว่าการอภิเษกครั้งแรกนั้น เป็น
กรรมที่เศร้าหมองไปด้วยกิเลสมีราคะเป็นต้น สับสนวุ่นวาย ประกอบไปด้วย
อนัตถโทษ เนื่องด้วยทุกข์ เป็นกรรมที่อาทิผิด อาณัติกะเลวทราม. ส่วนการอภิเษกครั้งที่ ๒
ของเรานี้ ชื่อว่า สูงสุด ประณีต เพราะผิดตรงข้ามจากการอภิเษกครั้งแรกนั้น.
จบอรรถกถาติสสเถรคาถา
 
๕๐/๒๓๔/๔๕๔

ไม่มีความคิดเห็น: