วันเสาร์, กรกฎาคม 29, 2566

Maha

 
ถามว่า ใคร จะได้ประโยชน์ของเทวทูตนี้ ใครไม่ได้. ตอบว่า
ผู้ใดทำกรรมมาก ผู้นั้นไปเกิดในนรก. ผู้ใดทำบาปกรรมนิดหนึ่ง ผู้นั้นย่อมได้.
ชนทั้งหลายจับโจรพร้อมด้วยภัณฑะย่อมกระทำสิ่งที่ควรทำ ไม่วินิจฉัย แต่
นำโจรที่ถูกสอบสวนจับไว้ไปสู่โรงศาล เขาได้การตัดสินฉันใด ข้อเปรียบเทียบก็
ฉันนั้น ก็ผู้มีบาปกรรมนิดหนึ่ง ย่อมระลึกได้ตามธรรมดาของตน แม้ถูกเขา
ให้ระลึกได้. ในข้อนั้น มีทมิฬชื่อ ฑีฆทันตะ ระลึกได้ตามธรรมดา
ของตน. ได้ยินว่า ทมิฬนั้นเอาผ้าสีแดงบูชาอากาศเจดีย์ในสุมนคีรีวิหาร.
ครั้งนั้น เขาเกิดใกล้อุสสุทนรก ได้ยินเสียงเปลวไฟ ระลึกถึงผ้าที่ตนบูชาไว้.
เขาจึงไปเกิดบนสวรรค์. อีกคนหนึ่ง ถวายผ้าสาฎกเนื้อหยาบแก่ภิกษุหนุ่ม
เป็นบุตรวางไว้ใกล้เท้า. ในเวลาใกล้ตาย เขาถือนิมิตในเสียงว่า ปฏะ ปฏะ แม้
เขาเกิดใกล้อุสสุทนรก ก็ระลึกถึงผ้านั้น เพราะเสียงเปลวไฟจึงไปเกิดบนสวรรค์.
เขาระลึกถึงกุศลกรรมตามธรรมดาของตนก่อนอย่างนี้ จึงบังเกิดบนสวรรค์.
เมื่อระลึกตามธรรมดาของตนไม่ได้ จึงถามเทวทูตทั้ง ๕. ในเทวทูต ทั้ง ๕
นั้น บางคนระลึกได้ด้วยเทวทูตที่หนึ่ง. บางคน ระลึกได้ด้วยเทวทูตที่สอง
เป็นต้น. ส่วนผู้ใด ย่อมระลึกไม่ได้ด้วยเทวทูตทั้ง ๕ พญายมให้ผู้นั้น ระลึก
ได้เอง. ได้ยินว่า อำมาตย์คนหนึ่ง บูชามหาอาทิผิด อักขระเจดีย์ด้วยหม้อดอกมะลิ ได้ให้
ส่วนบุญแก่พญายม. นายนิรยบาล นำอำมาตย์นั้นผู้เกิดในนรกเพราะอกุศลกรรม
ไปหาพญายม. เมื่ออำมาตย์นั้น ระลึกไม่ได้ ด้วยเทวทูตทั้ง ๕ พญายมตรวจ
ดูเองเห็นแล้วให้ระลึกว่าท่านบูชามหาเจดีย์ด้วยหม้อดอกมะลิแล้ว แผ่ส่วนบุญ
ให้เรามิใช่หรือ. เขาระลึกได้ในเวลานั้นแล้ว ไปสู่เทวโลก ก็แต่ว่า พญายม
แม้ตรวจดูเองก็ไม่เห็น ดำริว่า สัตว์ผู้นี้จักเสวยทุกข์ใหญ่ จึงนิ่งเสีย.
บทว่า มหานิรเย ได้แก่ อเวจีมหานรก ถามว่า อเวจีมหานรกนั้น
ประมาณภายในเท่าไร. ตอบว่า แผ่นดินโลหะหลังคาโลหะโดยยาว และโดยกว้างอาทิผิด อาณัติกะ
 
๒๓/๕๒๕/๒๐๕

ไม่มีความคิดเห็น: